ตอนที่ 9-10

ตาดูดาว เท้าติดดิน ตอนที่ 9 เสาร์ที่ 26 พย. 48 นักเรียนนายร้อย และที่มาของชื่อ " แม้ว"


1. ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้2. ตายเสียดีกว่าอยู่อย่างผู้แพ้3. ตายเสียดีกว่าละทิ้งหน้าที่** ทางไปสู่เกียรติศักดิ์ จักประดับดอกไม้หอมหวลชวนจิตรไซ้ร ไป่มี**......เป็นปรัชญาซึ่งผมยึดมั่นและสำนึกเสมอว่า เป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ ที่ได้รับจากชีวิตนักเรียนเตรียมทหารกับนักเรียนนายร้อยตำรวจ...*** มึงไม่มีชื่อเล่นหรือวะ*** พอเข้าเรียนเตรียมทหารได้สักพัก เพื่อนๆที่เริ่มคุ้นเคยก็ถามผม ** ไม่มี มีแต่ชื่อทักษิณนี่แหละ ** ** มันยาวเรียกยากน่ะ **** ก็หาชื่อให้มันใหม่สิวะ ** อีกคนออกความเห็น** มันมาจากเหนือ ผิวก็ขาว เรียกว่า ** แม้ว ** ก็แล้วกัน เหมือนพวกแม้วชาวเขาไงล่ะ ** ว่าแล้วทุกคนก็หัวเราะ ถือเป็นมติเอกฉันท์นับตั้งแต่นั้นมาผมจึงถูกเรียกว่า ** แม้ว ** นี่คือสิ่งแรกที่ผมได้รับจากการเข้าสู่รั้วโรงเรียนเตรียมทหาร เป็นชื่อเล่นกึ่งสมญา ตั้งตามลักษณะเฉพาะ หรือเพื่อ identify ผมจากเพื่อนรุ่นเดียวกันที่มาจากทุกสารทิศยังมีต่อ..

30 ปีก่อน ทหาร-ตำรวจเป็นอาชีพที่ชายไทยแทบทุกคนปราถนาจะเป็น เพราะนอกจากความโก้สง่างามของเครื่องแบบและบุคลิกภายนอกแล้ว ซึ่งผมเองก็หลงเสน่ห์เสียแล้ว ค่านิยมที่ยกย่องผู้ชายรักและเสียสละเพื่อชาติเข้มแข็ง มีเลือดนักสู้ยังแรงอยู่ ประกอปกับผู้มีอำนาจอิทธิพลคนใหญ่ คนโตในบ้านเมือง ล้วนเป็นบุคคลในเครื่องแบบ ยิ่งทำให้อาชีพนี้กลายเป็นอุดมคติของหนุ่มไทยดังนั้น จึงมีเด็กหนุ่มจากทั่วประเทศมุ่งมาเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร บางคนเรียน ม.7 , ม.8 แล้วยังมาสอบเข้าก็มี นักเรียนเตรียมทหารถึงค่อนข้างหลากหลาย ผมเลยไม่ค่อยรู้สึกว่าตัวเองเป็นบ้านนอกเข้ากรุงนัก เพราะเหลียวไปทางไหนก็เห็นแต่หน้าตาแปลกถิ่น และหลายๆคนก็คงได้รับสมญาที่บ่งบอกถึงบ้านเกิดเช่นเดียวกับผมแต่ไม่ว่าจะเคยอยู่จังหวัดอะไร เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ยากจนหรือร่ำรวย เมื่อผ่านเข้ามาในเตรียมทหาร ทุกคนจะถูก ** ปรับ ** ให้เท่าเทียมกันหมดด้วยกฏระเบียบอันเคร่งครัด ตั้งแต่การแต่งกายหัวจรดเท้าที่จะต้องเหมือนกัน บุคลิก การลุก ยืน เดิน นั่ง ทุกอริยาบถต้องเหมือนกัน โปรแกรมหรือตารางชีวิตประจำวันต้องเหมือนกัน ถูกฝึกหนักทั้งร่างกายและจิตใจ และสร้างความแข็งแกร่งทางวิชาการก็ต้องเหมือนกัน ไม่ละเว้นแม้แต่เรื่องเล็กน้อย อย่างการห้ามเอารถมาจอดในโรงเรียน เพื่อลดความแตกต่าง

และโดดเด่นสุดคือ ทุกคนต้องเคารพ ผู้บังคับบัญชา เชื่อฟังผู้อาวุโสกว่า โดไม่มีข้อยกเว้น ตามแนวคิดของทหารที่ว่า การปฏิบัติตามผู้บังคับบัญชานั้นสำคัญมาก เนื่องจากท่ามกลางอันตรายจากฝ่ายศัตรู การปฏิบัติย่อมต้องการความเร่งด่วนและตัดสินใจเด็ดขาด มีการบัญญัติข้อบังคับมากมายเพื่อรองรับแนวคิดนี้ ไม่ว่าจะป็นการทำความเคารพทุกกาละเทศะ การห้ามเข้า ห้ามใช้บางสถานที่ ห้ามกระทั่งเดินถนนในแนวเดียวกันด้วยซ้ำเรียกว่าปรับทั้งกระบวนการ ตั้งแต่วิธีปฏิบัติ หลักคิด ไปจนถึงความเชื่อเลยทีเดียวดังนั้น ขนาดแค่ขั้น ** เตรียม ** ก็มีนักเรียนหลายคนปรับตัวไม่ได้ ทนไม่ไหว เผ่นไปเสียแต่ปีแรก แต่ส่วนตัวผมเอง ผมพอใจกับชีวิต นักเรียนเตรียมทหารมากทีเดียว

เพราะในด้านวิชาการ การเรียนการสอนของเตรียมทหารถือว่าทันสมัยกว่าโรงเรียนเตรียมอุดมอื่นๆในยุคเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรที่ล้ำหน้าไปถึงระดับมหาวิทยาลัย เครื่องมือเครื่องใช้ครบครัน มีซาวด์แล็ปต่างๆเนื่องจากโรงเรียนได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอเมริกัน ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดไทยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ความพร้อมเหล่านี้ช่วยพัฒนาวิชาโปรดของผม ทำให้ผมเรียนดีจนได้รับโล่ห์เกียรติยศด้านคณิตศาสตร์โดยได้คะแนนสูงสุด

ตาดูดาว เท้าติดดิน ตอนที่ 10 เสาร์ที่ 24 ธค. 48 ทำไมถึงเลือกเป็นตำรวจ

ส่วนการฝึกหนัก ด้วยความที่ช่วยงานพ่อแม่แต่เล็ก ผมเลยไม่ค่อยมีปัญหานัก ผมกลับซาบซึ้งด้วยซ้ำว่า ชีวิตนักเรียนเตรียมทหารนี่เอง ที่ปูพื้นฐานระเบียบวินัย การรู้จักอยู่ร่วมหมู่คณะ และหล่อหลอมความอดทนสมกับเป็นลูกผู้ชายให้กับผม ถ้าเด็กวัยรุ่นทุกคนมีโอกาสฝึกสิ่งเหล่านี้ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยก็คงจะดีไม่น้อยที่เดียวฉะนั้น แม้จะเรียนหนัก ฝึกหนัก ผมก็สนุกกับการทำกิจกรรมของโรงเรียน ปีหนึ่งผมเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลของโรงเรียน พอปีสองผมได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าตอนและประธานฝ่ายปฏิคม ทำหน้าที่ประสานงานระหว่างเพื่อนนักเรียนกับอาจารย์ผู้สอนและครูผู้ฝึก รับผิดชอบดูแลให้เพื่อนปฏิบัติตามการสั่งงาน อยู่ในวินัยเวลาครูไม่อยู่ ติดต่ออำนวยความสะดวกในการเรียน ฯลฯ เลยเถิดไปถึงให้เพื่อนลอกการบ้าน จนกลายเป็นภาระผูกพันต้องมาแต่เช้าตรู่ทุกวัน ไม่อย่างนั้นเพื่อนจะลอกไม่ทัน แล้วเวลาสอบก็ขึ้นกระดานติวให้เพื่อนจะว่าไปแล้วหน้าที่หลักของหัวหน้าตอนอย่างผมคือ วิ่งช่วยเพื่อนกับครู และคอยประนีประนอมระหว่างสองฝ่ายมากกว่า เพราะผมไม่ใช่หัวหน้าช่างฟ้อง แล้วก็ไม่ใช่คนเอาใจเพื่อนไปเสียหมด

หัวเลี้ยวหัวต่อของผมเริ่มอีกครั้ง เมื่อถึงเวลาเข้าต่อโรงเรียนนายร้อย ต้องเลือกเหล่าว่าจะเบนเข็มชีวิตไปเป็นทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ หรือตำรวจ*** เลือกทหารบกดีไหม แล้วไปเลือกเหล่าราบ ทหารเหล่านี้เป็นใหญ่ เป็นโตหลายคนนะทักษิณ *** พ่อให้ความเห็น ตอนนั้นพ่อเป็น สส.เชียงใหม่ พ่อไปประชุมที่กรุงเทพฯ เราจึงได้ปรึกษากัน***อย่างจอมพลประภาส จอมพลถนอมนี่ ก็ทหารบกจาก จปร. ทั้งนั้น*** พ่อว่าตามแบบผู้ใหญ่ที่มองการณ์ไกล อยากเห็นลูกเจริญก้าวหน้าทางอาชีพ สมัยนั้นผู้ยิ่งใหญ๋ในสังคมล้วนเป็นนายทหารทั้งสิ้นแต่ไม่ทราบเพราะจับพลัดจับพลูสอบเตรียมทหารเพื่อหลบสาวมาเรียนแบบผู้ชายล้วน การเลือกเหล่าเลยกลายเป็นตกกระไดพลอยโจนหรือเปล่า ผมเลยไม่ค่อยคาดหวังกับอนาคตทางราชการนัก หลักในการตัดสินใจเลือกเหล่าของผมค่อนข้างประหลาด นั่นคือยึดความ ***ไม่เหมือนใครเป็นที่ตั้ง***หันไปดูญาติพี่น้องชินวัตร ก็ปรากฏว่าทหารบกเต็มไปหมด.....เป็นอันว่าเหล่านี้ตัดไปตอนนั้นกองทัพอากาศเพิ่งมาตั้งกองบิน 41 ที่เชียงใหม่หมาดๆ ผมมันคนเชียงใหม่ย่อมเห่อกับเขาบ้างเป็นธรรมดา ขับเครื่องบินคงโก้ดี ทหารอากาศวาบขึ้นแวบหนึ่ง แต่ก็ต้องตกไปอีกด้วยเหตุบังเอิญว่า ลูกลุงคนหนึ่งเลือกแล้วทีนี้ทหารเรือล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผมมันคนเมืองภูเขา ว่ายน้ำไม่เก่ง ถอยดีกว่า

สุดท้ายผมเลยต้องเรียนตำรวจ เพราะไม่มีทางเลือกฟังดูไม่ค่อยเข้าท่า แต่ผมอยากเรียกมันว่า ชะตากรรมมากกว่า